เดือนนี้ทำอะไรทานบ่อยค่ะ เมนูในวันนี้ก็เป็นเมนูง่ายๆ แต่ก็อยากเอามาแบ่งปันค่ะ พอดีว่าติดใจเมื่อเดือนที่แล้วมีโอกาสได้ไปเที่ยวหัวหิน แล้วได้ไปทานกุ้งผัดพริกเครื่องแกงที่ร้านลุงบัง ตอนแรกสั่งไป เค้าก็แจ้งว่าร้านนี้ผัดพริกเครื่องแกงใส่นมสดนะ ทานได้มั้ย ก็เลยบอกว่าจัดมา เอาแบบตำรับของร้านนั่นแหละ แล้วออกมาเฮ้ยอร่อยอ่ะ วันนี้นึกถึง อยากทาน เลยเป็นที่มาของเมนูนี้ค่ะ
วัตถุดิบคือ กุ้งจะตัวเล็กตัวใหญ่แล้วแต่จะสะดวกค่ะ แช่บ๊วย ลายเสือ หรือกุลาดำก็ได้ แต่แนะนำให้ตัวใหญ่หน่อย จะได้แบบเต็มปากเต็มคำ มันสะใจ 5555 แต่ถ้าใครมีครัว แนะนำให้เอากุ้งที่เราผ่าหลังแล้ว ไปทอดซักฉ่าาาาาานึงในกระทะก่อนนะคะ ฉ่านึงคือ น้ำมันท่วมๆแล้วเอากุ้งใส่ในสวิง จุ่มลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ หนึ่งฉ่าาา แล้วก็พริกแกงเผ็ดแบบหยาบ ทำจานนึงก็ประมาณ3-4 ช้อนโต๊ะค่ะ แต่ถ้าชอบเผ็ด เข้มข้น แล้วรวยอ่ะ กุ้งชั้นเยอะ ก็จัดไปเลยค่ะ 5-6 ช้อนโต๊ะ กะง่ายๆ ที่เค้าขายเป็นถุงสี่เหลี่ยม ซิลสูญญากาศที่ขายตามห้างทั่วไป ก็กะเอา ครึ่งถุงหรือทั้งถุง แล้วแต่ว่าจิตแข็งไม่แข็ง ชอบกินเผ็ดมากน้อย แล้วก็ กระชาย พริกไทยอ่อน ใบมะกรูด โหระพา พริกชี้ฟ้าแดง น้ำปลา ภูเขาทองฝาเีขียว ซอสหอยนางรมนิดหน่อย ผงปรุงรสนิดหน่อย น้ำตาลทราย1 ช้อนโต๊ะ นมสดกระป๋องเล็ก
เตรียมพวกกระชาย พริกชี้ฟ้า โหระพา พริกไทยอ่อน เตรียมไว้ก่อนค่ะ
ล้างกุ้งให้สะอาด ตัดหนวดคมๆที่หัวทิ้ง ผ่าหลังให้สวยงาม แล้วพักไว้
ตั้งกระทะ(ไฟฟ้า) ไฟปานกลางไม่ต้องร้อนมากนะคะ ใส่น้ำมันประมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะค่ะ เอาพริกเครื่องแกงลงไปผัดจนหอม สำลักไปซักสามสี่บ้าน
แล้วเอากุ้งลงไปผัด ใช้ไฟแรงสุดค่ะ ถ้าแห้งไป เติมน้ำลงไปนิดหน่อย ผัดไปสักครู่ ให้พองวด ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสหอยนางรมนิโหน่ย ซอสฝาเีขียวหรือแม็กกี้ ผงปรุงรสนิดหน่อย ใครไม่ใส่ก็ได้นะคะ น้ำตาลทราย ไม่ต้องใส่เยอะนะคะ เพราะนมสดที่ใส่ทีหลังจะมีความหวานของมันด้วยค่ะ แล้วก็ใส่นมสดลงไปค่ะ เอาให้เข้มข้นหน่อยก็ดีค่ะ ฟลุ๊คใช้คาเนชั่น (ที่เหลือจากบลูเบอรี่ชีสพาย) อิอิ สุดท้ายก็ฉีกใบมะกรูด โรยกระชาย พริกไทยอ่อน พริกชี้ฟ้าแดง ผัดพอให้เข้ากันอีกซักครู่ แล้วโรยใบโหระพาค่ะ เท่านี้ก็จะได้กุ้งผัดพริกเครื่องแกง รสชาติเข้มข้น ราดข้าวร้อนๆนะ มันช่างงงงสุขสม รูปแอบลืมเช็ดขอบจานนิดนุง 5555
ไม่ยากเลยนะคะ ลองทำทานกันดูค่ะ
แล้วอย่าลืมทำให้คนที่คุณรักทานกันด้วยนะคะ Bon Appetit ค่ะ
One cannot think well, love well, sleep well, if one has not dined well. "Virginia Woolf " สนุกกับการบ่น จ่ม ด่า และเมนูที่ทำเองง่ายๆได้ที่บ้านของผู้หญิงร่าง(โคตร)อวบ ลองเข้ามาอ่านกันนะจ๊ะ http://www.facebook.com/flukeandtherecipes
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555
บลูเบอรี่ชีสพายทำง่ายๆ เป็นของวัญปีใหม่ก็ได้เจ้าาาา
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน merry christmas ค่ะ วันคริสมาสท่ผ่านมา ฟลุ๊คคิดว่าน่าจะทำนมอร่อย เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี แถมใช้เป็นของขวัญปีใหม่ได้ด้วย แต่ติดตรงที่ที่บ้านไม่มีเตาอบ ไม่มีครัว เลยไปเจอกับชีสพายนี่แหละค่ะ ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ขั้นตอนมีไม่มาก แถมอร่อย มาเริ่มกันที่วัตถุดิบในการทำกันเลยค่ะ
ครีมชีส นมข้นหวาน ขนมปังกรอป นมข้นจืด ครีมข้น บลูเบอรี่กระป๋อง เนยชนิดเค็ม ถ้าใช้นมปังกรอปหรือแครกเกอร์ชนิดเค็ม ก็ใช้เนยจืดนะคะ แต่อันนี้ฟลุ๊คใช้ริซครึ่งซองกับแครกเกอร์ชนิดจืดอีกเยอะเลยใช้เนยเค็มค่ะ มะนาว เจลาติน1ช้อนโต๊ะ แต่บอกตรงๆว่าตอนไปซื้อหาซื้อไม่ได้ ผงวุ้นก็มีแต่ถุงใหญ่ เลยไปคว้าได้ผงทำเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดมาได้ 5555
มาเริ่มกันที่ บดแครกเกอร์ค่ะ เอาใส่ถุงแล้วบด ใช้ไม้นวดแป้ง หรือถ้าใครไม่มีแบบฟลุ๊ค ก็ใช้ขวดนี่แหละค่ะคลึงๆ บดๆให้ละเอียด ช่วงที่บดก็ละลายเนยไมโครเวฟ ประมาณครึ่งก่อนนะคะ ถ้าไม่พอกับปริมาณขนมปังกรอปยังไงค่อยเพิ่มทีหลังค่ะ เอาพอให้เป็นน้ำก็พอนะคะ ไม่ต้องเอาถึงเดือดปุดๆ พอเราบดขนมปังกรอปได้ที่แล้ว ก็ค่อยๆเทเนยที่ละลายแล้วลงไปคลุกให้เข้ากัน
พอเสร็จแล้วเราก็เอาไปแช่เย็นจัดๆไว้ให้ฐานองเราแข็งและมั่นคงค่ะ หันไปทำครีมชีส ย้ำนะคะว่า ทุกอย่างต้องทำในขณะไม่เย็น ต้องอยู่ในอุณภูมิห้อง only ค่ะ ไม่อย่างนั้นเวลาที่ตีออกมา ครีมชีสองเราจะเป็นเม็ดๆนะคะ ก่อนตี เราก็ละลายเจลาติน ผงวุ้น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราหามาไว้ใช้ให้ครีมชีสของเราเซตตัว กับน้ำ 1 ถ้วยเล็ก เอาน้ำเ้าไปต้มให้เดือดในไมโครเวฟก่อนนะคะ ให้เดือดจัดๆ แล้วค่อยใส่เจลาตินลงไปค่ะ แล้วทิ้งไว้จนเย็น ช่วงทิ้งไว้เราก็ หันมาตีครีมชีส ใครมีเครื่องตีก็ถือว่าเป็นบุญเป็นวาสนาของท่าน ส่วนคนไม่มีบุญย่างอิชั้นก็ใช้ตะกร้อคู่ใจตีค่ะ ใส่นม้นหวานประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ ถ้าชิมรสแล้วยังไม่ได้ดังปรารถนาค่อยเติมทีหลังค่ะ นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ พอดีฟลุ๊คทำสองถาดกลาง เลยใส่เพิ่มอีกทีหลังค่ะ ครีมข้นอีก ครึ่งกล่องเล็ก น้ำมะนาวครึ่งถึงหนึ่งลูกแล้วแต่ปริมาณครีมชีสค่ะ น้ำละลายเจลาติน แล้วก็ตีค่ะ ตีไปเรื่อยๆ ตีให้เนียน ตีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะนวลเนียนเหมือนหน้าน้องนางนะจ๊ะ
พอได้ที่แล้ว เราก็ตักใส่ถาดฟรอยที่เราปูรากฐานไว้แล้วค่ะ ค่อยๆละเลงอยากมีศิลป์และสวยงามนะคะ
สวยตรงไหน -_-' แล้วก็แช่เย็นไว้ค่ะ รอจะทานค่อนเอามาราดด้วยบลูเบอรี่ ถ้าใครไม่ชอบบลูเบอรี่ จะใช้เป็นซอสลูกกระทกลก (เพรชชั่นฟรุต) ก็ได้ แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ ส่วนใครจะให้เป็นองขวัญปีใหม่ก็ราดบลูเบอรี่ แล้วติดโบน่ารักๆ นำไปส่งความสุขให้คนที่คุณรักได้เลยค่ะ
เสร็จแล้วเฮ้ย มันง่ายมากเลยค่ะ แล้วอย่าลืมทำให้คนที่คุณรักทานด้วยนะคะ Bon Appetit ค่ะ ^^
ครีมชีส นมข้นหวาน ขนมปังกรอป นมข้นจืด ครีมข้น บลูเบอรี่กระป๋อง เนยชนิดเค็ม ถ้าใช้นมปังกรอปหรือแครกเกอร์ชนิดเค็ม ก็ใช้เนยจืดนะคะ แต่อันนี้ฟลุ๊คใช้ริซครึ่งซองกับแครกเกอร์ชนิดจืดอีกเยอะเลยใช้เนยเค็มค่ะ มะนาว เจลาติน1ช้อนโต๊ะ แต่บอกตรงๆว่าตอนไปซื้อหาซื้อไม่ได้ ผงวุ้นก็มีแต่ถุงใหญ่ เลยไปคว้าได้ผงทำเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดมาได้ 5555
มาเริ่มกันที่ บดแครกเกอร์ค่ะ เอาใส่ถุงแล้วบด ใช้ไม้นวดแป้ง หรือถ้าใครไม่มีแบบฟลุ๊ค ก็ใช้ขวดนี่แหละค่ะคลึงๆ บดๆให้ละเอียด ช่วงที่บดก็ละลายเนยไมโครเวฟ ประมาณครึ่งก่อนนะคะ ถ้าไม่พอกับปริมาณขนมปังกรอปยังไงค่อยเพิ่มทีหลังค่ะ เอาพอให้เป็นน้ำก็พอนะคะ ไม่ต้องเอาถึงเดือดปุดๆ พอเราบดขนมปังกรอปได้ที่แล้ว ก็ค่อยๆเทเนยที่ละลายแล้วลงไปคลุกให้เข้ากัน
เอาเ้ข้ากันขนาดไหนใช่มั้ย เอาพอปั้นเป็นก้อนไม่แตกออกจากกันเลยค่ะ พอได้ที่แล้วเอาก็เอาไปปูในถาดฟรอยที่เราเตรียมไว้ พอปูแล้วก็กดให้แน่น ฟลุ๊คใช้ช้อนหนักๆกดทับไปเลยค่ะ ให้เป็นรากฐานที่มั่นคงให้ชีสพายของเราต่อไป ^^ แบบนี้
พอเสร็จแล้วเราก็เอาไปแช่เย็นจัดๆไว้ให้ฐานองเราแข็งและมั่นคงค่ะ หันไปทำครีมชีส ย้ำนะคะว่า ทุกอย่างต้องทำในขณะไม่เย็น ต้องอยู่ในอุณภูมิห้อง only ค่ะ ไม่อย่างนั้นเวลาที่ตีออกมา ครีมชีสองเราจะเป็นเม็ดๆนะคะ ก่อนตี เราก็ละลายเจลาติน ผงวุ้น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราหามาไว้ใช้ให้ครีมชีสของเราเซตตัว กับน้ำ 1 ถ้วยเล็ก เอาน้ำเ้าไปต้มให้เดือดในไมโครเวฟก่อนนะคะ ให้เดือดจัดๆ แล้วค่อยใส่เจลาตินลงไปค่ะ แล้วทิ้งไว้จนเย็น ช่วงทิ้งไว้เราก็ หันมาตีครีมชีส ใครมีเครื่องตีก็ถือว่าเป็นบุญเป็นวาสนาของท่าน ส่วนคนไม่มีบุญย่างอิชั้นก็ใช้ตะกร้อคู่ใจตีค่ะ ใส่นม้นหวานประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ ถ้าชิมรสแล้วยังไม่ได้ดังปรารถนาค่อยเติมทีหลังค่ะ นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ พอดีฟลุ๊คทำสองถาดกลาง เลยใส่เพิ่มอีกทีหลังค่ะ ครีมข้นอีก ครึ่งกล่องเล็ก น้ำมะนาวครึ่งถึงหนึ่งลูกแล้วแต่ปริมาณครีมชีสค่ะ น้ำละลายเจลาติน แล้วก็ตีค่ะ ตีไปเรื่อยๆ ตีให้เนียน ตีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะนวลเนียนเหมือนหน้าน้องนางนะจ๊ะ
พอได้ที่แล้ว เราก็ตักใส่ถาดฟรอยที่เราปูรากฐานไว้แล้วค่ะ ค่อยๆละเลงอยากมีศิลป์และสวยงามนะคะ
สวยตรงไหน -_-' แล้วก็แช่เย็นไว้ค่ะ รอจะทานค่อนเอามาราดด้วยบลูเบอรี่ ถ้าใครไม่ชอบบลูเบอรี่ จะใช้เป็นซอสลูกกระทกลก (เพรชชั่นฟรุต) ก็ได้ แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ ส่วนใครจะให้เป็นองขวัญปีใหม่ก็ราดบลูเบอรี่ แล้วติดโบน่ารักๆ นำไปส่งความสุขให้คนที่คุณรักได้เลยค่ะ
เสร็จแล้วเฮ้ย มันง่ายมากเลยค่ะ แล้วอย่าลืมทำให้คนที่คุณรักทานด้วยนะคะ Bon Appetit ค่ะ ^^
วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555
รากบัวทอด+ปีกไก่ราดซอสน้ำแดงฉ่ำมากกกกกกกกกก
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ผู้ติดตามและไม่ติดตามทุกท่าน เมนูแรกประจำเดือนธันว่าคม ขอเสนอ รากบัวปีกไก่ราดซอสน้ำแดงค่ะ เนื่องจากมีรากบัวที่เหลือจากช่วงกินเจ(นานมาก) เป็นฟอสซิลอยู่ในช่องฟรีส แล้วไม่รู้จะเอามาทำเมนูอะไร พวกต้มจืด ต้มน้ำตาลก็มีคนเคยเขียนไว้มากแล้ว เลยคิดว่าเอามาทำอาหารที่ไม่ค่อยมีคนทำซักเท่าไหร่ดีกว่า เผื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่ชอบทานรากบัว แต่ทำจำพวกต้มบ่อยไปแล้ว แต่ไอ้ครั้นจะมีแต่รากบัวก็กะไร เลยเพิ่มปีกกลาง สำหรับบ้านที่มีคุณหนูตัวน้อยด้วยค่ะ เมนูวันนี้จึงเป็นเมนูครอบครัว!!!!!!!!!
มาเริ่มกันที่วัตถุดิบค่ะ รากบัว ปีกไก่กลาง ซอสหอยนางรม แม๊กกี้หรือภูเขาทองฝาเขียว ซีอิ๊วขาว ผงรสดี แป้งโกกิ ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก มะเขือเทศลูกโตฉ่ำ 1 ลูก หอมหัวใหญ่ 1 หัว และผักสามสี (ที่ขายเป็นถุง มีข้าวโพด ถั่วลันเตา แครอทในถุงเดียวน่ะค่ะ) ใครไม่มีไม่ใส่ก็ได้นะคะ พอดีอันนี้ก็มีอยู่ในตู้เย็นแล้ว แหะๆ
หมักปีกกลางไก่ กับซอสหอย ซีอิ๊วขาวนิโหน่ย แม๊กกี้นิโหน่ย รสดีนิโหน่ย
เอารากบัวลงไปคลุกด้วยเลยก็ได้ค่ะ หมักทิ้งเอาไว้ซักแป๊บ - ครึ่งชั่วโมง เอามีดหรือซ้อมจิ้มที่ปีกไก่ด้วยนะคะ พอถึงเวลาก็โรยแป้งโกกิ แล้วคลุกค่ะ ไม่ต้องโรยมากนะคะ พอเคลือบทุกสิ่งอันไว้ก็พอ
คลุกนะคะ ไม่ใช่แค่โรยแบบในรูป 5555 เสร็จแล้วก็ตั้งกระทะ(ไฟฟ้า) ใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย ทอดก็จริง แต่ไม่ได้ชุบแป้งที่น้ำมันต้องท่วม แล้วก็เอารากบัวลงไปทอดก่อน ใช้ไฟปานกลางนะคะ อย่าแรงมาก เดี๋ยวแป้งที่เคลือบไว้จะไหม้
พอทอดจนเหลืองกรอป ก็เอามาเรียงใส่จานเตรียมไว้ค่ะ
แล้วหันมาทอดปีกไก่ค่ะ ทอดทีละด้าน อย่ากลับไปมามากนะคะ ให้เหลืองกรอปทีละด้าน
พอไก่สุกก็เอาไปวางเรียงในจานรอน้ำซอสราดค่ะ หั่นทะเขือเทศและหัวหอมใหญ่เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
ไม่ต้องใหญ่มากนะคะ
เสร็จแล้วก็เอาลงไปผัดในกระทะที่เทน้ำมันออกแล้ว (ไม่ล้าง) O_o' ใช่ ไม่ล้าง ล้างทำไม????555
แล้วก็ผัดกับผัก 3 สี จนหัวหอมใสนะคะ
แล้วก็ใส่ซอสพริก และซอสมะเขือเทศ ชิมรส อาจจะใส่แม๊กกี้นิดหน่อย พริกไทยดำอีกนิด แค่นี้เลยค่ะ ง่ายมากกกกกกกกกกกกกกกก
แล้วตักราดบนรากบัวและปีกไก่ที่เราทอดเตรียมไว้
เท่านี้เราก็จะได้รากบัวปีกไก่ทอดราดด้วยซอสน้ำแดงฉ่ำๆ ทานได้ทั้งครอบครัว หรือคุณแม่คนไหน จะทำเป็นข้าวกล่องให้คุณลูกไปโรงเรียนก็ได้นะคะ ^^ ขอตัวไปหม่ำๆก่อนนะคะ
รากบัวราดซอสแบบนี้ก็อร่อยดีแฮะ
และอย่าลืมทำให้คนที่คุณรักทานด้วยนะคะ Bon appetit ค่ะ ^^
ใครไม่สะดวกคุยในนี้ ฟลุ๊คมีอีกเพจนึงละนะคะ http://www.facebook.com/flukeandtherecipes
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เลิกอ้างว่าอาหารมันทำยาก ด้วยสลัดเห็ดออรินจิกับแซลม่อนรมควันง่ายๆกัน!!!!!!!!
วันนี้ขอนำเสนอเมนูง่ายๆ เอาใจสาวๆที่กำลังลดน้ำหนัก สำหรับบางคน(อย่างข้าพเจ้า) น่าสงสารตรงที่ลดน้ำหนักมาตลอดชีวิตละ 5555555
วันนี้ทำง่ายจริงๆค่ะ
ผักสลัดที่ใช้แล้วแต่คนชอบทานค่ะ จะเบบี้ คอส เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค สลัดแก้วได้หมด มะเขือเทศ หัวหอมใหญ่ บีทรูท ซูกินี่ บลาๆๆๆ สลัดฟรีสไตล์แล้วแต่สาวๆจะชอบค่ะ
แซลม่อนรมควัน ซื้อจากแมคโครแพ๊คละ 89 บาท ถ้านึกไม่ออกว่าหน้าตามันเป็นไง ไปหาดูจากเมนูเก่าๆได้นะคะ เห็นออรินจิ ซัก 2 ดอกใหญ่ค่ะ นำมาหั่นไม่ต้องบางมากค่ะ จะหั่นเป็นแว่นเฉียง หรือหั่นเป็นท่อนแบบเฟร้นฟรายก็ได้ และทาด้วยซอสเทริยากิ ก่อนเข้าเตาอบหรือไมโครเวฟนะคะ รอจนเห็ดสุกแล้วพักไว้ให้เย็นค่ะ
หันมาจัดจานสลัดค่ะ วางผักที่คุณๆเลือก คุณๆชอบไว้ข้างล่าง ต่อด้วยเห็ดย่าง แล้ววางซ้อนด้วยปลาแซลม่อนรมควันอีกที ราดด้วยน้ำมันมะกอก บัลซามิคซอสเป็นน้ำสลัด เหยาะเกลือและพริกไทยดำ เป็นอันเสร็จ แต่ถ้าคุณชอบแบบรสจัดจ้าน จะซอยพริกขี้หนูใส่ และบีบมะนาวลงไป 1 กลับ ก็อร่อยไม่แพ้กันนะคะ
เห็นมั้ยคะ ไม่ถึง 10 นาที ก็ได้สลัดหรูเริ่ดมาทานแล้ว ลองทำทานกันดูนะคะ Bon appetit ค่ะ ^^
วันนี้ทำง่ายจริงๆค่ะ
ผักสลัดที่ใช้แล้วแต่คนชอบทานค่ะ จะเบบี้ คอส เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค สลัดแก้วได้หมด มะเขือเทศ หัวหอมใหญ่ บีทรูท ซูกินี่ บลาๆๆๆ สลัดฟรีสไตล์แล้วแต่สาวๆจะชอบค่ะ
แซลม่อนรมควัน ซื้อจากแมคโครแพ๊คละ 89 บาท ถ้านึกไม่ออกว่าหน้าตามันเป็นไง ไปหาดูจากเมนูเก่าๆได้นะคะ เห็นออรินจิ ซัก 2 ดอกใหญ่ค่ะ นำมาหั่นไม่ต้องบางมากค่ะ จะหั่นเป็นแว่นเฉียง หรือหั่นเป็นท่อนแบบเฟร้นฟรายก็ได้ และทาด้วยซอสเทริยากิ ก่อนเข้าเตาอบหรือไมโครเวฟนะคะ รอจนเห็ดสุกแล้วพักไว้ให้เย็นค่ะ
หันมาจัดจานสลัดค่ะ วางผักที่คุณๆเลือก คุณๆชอบไว้ข้างล่าง ต่อด้วยเห็ดย่าง แล้ววางซ้อนด้วยปลาแซลม่อนรมควันอีกที ราดด้วยน้ำมันมะกอก บัลซามิคซอสเป็นน้ำสลัด เหยาะเกลือและพริกไทยดำ เป็นอันเสร็จ แต่ถ้าคุณชอบแบบรสจัดจ้าน จะซอยพริกขี้หนูใส่ และบีบมะนาวลงไป 1 กลับ ก็อร่อยไม่แพ้กันนะคะ
เห็นมั้ยคะ ไม่ถึง 10 นาที ก็ได้สลัดหรูเริ่ดมาทานแล้ว ลองทำทานกันดูนะคะ Bon appetit ค่ะ ^^
วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555
cup cake 2 นาที ด้วยไมโครเวฟ อวยพรวันเกิดให้กับตัวเอง
วันนี้ 29 ตุลาคม เป็นวันเกิดของฟลุ๊คเองค่ะ เลยอยากจะลองทำขนมเค้กให้ตัวเอง เป่าเอง กินเอง ฟังแล้วรันทดยังไงชอบกล พี่คนนึงของฟลุ๊คบอกว่า ซื้อเค้กเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองแล้ว คิดในใจว่า.."ถ้าซื้อไปเบิร์ดเดย์ต้วเอง
กูก็จะอธิฐานแล้วเป่ากี่ครั้งก็ได้นี่....หุหุ...กูต้องสมหวังกับทุกเรื่อง
ที่หวัง....ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ...แล้วกูก็จะมีแต่ฟามสุข..วะฮ่า ฮา ฮา" เอ่อออออ จริงของมัน
ลงทุนไม่มากเพื่อได้กับความสบายใจ และสุขสมหวังทุกประการ 55555
แล้วก็ลองเปิดเวปหาดูว่าวิธีทำคัฟเค้กด้วยไมโครเวฟ มันทำยังไง เฮ้ยยยยยยยยยยยยย ไม่ยากเลย ไม่ต้องเตรียมอะไรมากมายด้วย
อันนี้เป็นครั้งแรกนะคะ ใครที่ทำเบเกอรี่ครั้งแรก มันไม่ออกมาอร่อยสมบูรณ์แบบทุกประการหรอกค่ะ
อันนี้ฟลุ๊คยอมรับเลย เนื้อเค้กที่ได้ออกมาอาจจะไม่นุ่ม ร่วนเหมือนเค้กแสนอร่อย
แต่ก็ทานได้ เอาหน้าสวย ท็อปปิ้งอร่อยก็โอ วะฮ่าฮ่า
มาเริ่มกันที่ส่วนผสมเลยค่ะ
ส่วนผสมสำหรับเนื้อแป้งนะคะ (อันที่บอกนี่ ทำได้ประมาณ 3 ถ้วยเล็กค่ะ ลองดูก่อน แหะๆ)
แป้งแพนเค้ก1-2 ถ้วย ร่อนกับผงฟูปลายช้อนชาค่ะ
เนยเหลว เอาแบบในอุณภูมิห้องนะคะ ไม่เอาที่ละลายแล้วค่ะ
ไข่ 1 ฟอง นมจืดค่ะ
ส่วนหน้าเค้กก็จะมี สีสังเคราะห์ สีชมพู วิปปิ้งครีม
อาจจะช๊อคโกแลตเม็ดเล็กๆ อันนี้ฟลุ๊คเลือกเมล็ดทานตะวันเคลือบช็อกโกแลตค่ะ แล้วก็เยลลี่รูปหัวใจ
และสตอเบอรี่ค่ะ
ถ้วยสำหรับใส่เค้กอบ (อันนี้หาที่ไหนไม่ได้ ไปร้านไดโสะ ได้แบบนี้มาค่ะ จริงๆอยากได้ทรงเล็กและสูงกว่านี้ แบบที่เค้าทำกันทั่วไปมากกว่า) แต่แบบนี้ก็ดีตรงที่แต่หน้าได้เยอะดี และปักเทียนได้เยอะตามอายุได้ 55555 ถ้วยเล็กคงไม่พออ่ะ
แล้วก็ไปเจ๊อะกับ อุปกรณ์แต่งหน้าเค้ก แบบเปลี่ยนหัวได้ น่าสนใจดีเลยซื้อมาไว้ก่อนเผื่อได้ใช้ในครั้งต่อๆไปค่ะ
มาเริ่มกันที่ผสมแป้ง เราร่อนแป้งกับผงฟูให้เข้ากันก่อนนะคะ
ตอกไข่ไก่อุณหภูมิห้องลงไป น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ เนย 1 ช้อนโต๊ะพูน ที่เราเตรียมไว้ นมค่อยๆเทลงไปทีละนิดค่ะ ตีไปเรื่อยๆ ตีไปจนน้ำตาลทรายละลายและเนื้อแป้งเหลวนวลเป็นเนื้อเดียวกัน
ก็เทลงถ้วยกระดาษที่เราเตรียมไว้ค่ะ เทลงไปประมาณ 3/4 ถ้วยนะคะ เผื่อมันฟูและไหลล้นด้วยค่ะ
เข้าไมโครเวฟ ตั้งเวลา 2 นาที ออกมาจะได้แบบนี้จ้าาา
เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ให้เย็นเลยค่ะ เราก็หันไปทำ หน้าเค้กกัน ตีวิปปิ้งครีมค่ะ ใส่ไอซิ่งลงไป 3-4 ช้อนโต๊ะ อันนี้แล้วปริมาณของวิปปิ้งครีมนะคะ เราชิมได้ก็ชิมค่ะ อย่าถามว่าใส่ขนาดไหน 555 แล้วแต่ชอบเลยจ๊ะ แล้วตีไปเรื่อยๆจนตั้งยอด เหมือนเวลาที่ทำเค้กทุกครั้งนะคะ ส่วนสีชมพูลงไปซัก1-2 หยดก็พอ ฟลุ๊คชอบแบบ อ่อนๆถึงอ่อนมากกก แต่ถ้าใครอยากแบบจัดจ้านก็ใส่ลงไปแล้วแต่ชอบได้เลยค่ะ แล้วคนเบาๆ ไม่ต้องตีละค่ะ คนเบาๆสีก็จะค่อยๆเปลี่ยน
แล้วต่อมาก็เอามาหยอดบนเค้กที่เราเตรียมไว้ ไม่ต้องวนสวยตั้งยอด เพราะเราจะเอาสตอเบอรี่วางอีกที แต่ถ้าใครไม่มีอะไรวางแล้วก็แล้วแต่จะบีบครีมลงบนเค้กเลยค่ะ
พอโปะครีมลงไป ฟลุ๊คก็เอาสตอเบอรี่มาวาง โรยด้วยเมล็กทานตะวันเคลืบช๊อกฯ ใครจะเอาM&M ก็ได้นะคะ แล้วแต่ความชอบและจินตนาการเจ้าาาา แล้วก็ใส่หัวใจให้ตัวเองลงไปอีกหน่อย ในเมื่อให้คนอื่นไปแล้วเค้าไม่เห็นค่า เราก็จับมาใส่ให้เราดูแลเหมือนเดิมดีกว่า (ดราม่าอีกละ)
แค่นี้เองค่ะ แค่นี้จริงๆ ก็จะได้ออกมาแบบนี้
ก็โอเคนะคะ สำหรับครั้งแรกที่ทำ รสชาติเป็นรองค่ะ คราวนี้ขอสวยแบบสร้างภาพ (เรื่องถนัด) ไว้ก่อน 555 เป็นไงบ้างคะ มันง่ายและเร็วจริงๆค่ะ ยังไงก็ลองทำกันดูนะคะ
วันเกิดนี่มันทำให้เศร้าได้เหมือนกันนะ ถ้ารอโทรศัพท์จากใครบางคน แต่เค้าไม่โทร รอจะฟังคำอวยพร หรือถามว่าวันเกิดปีนี้อยากได้อะไร แต่ก็ไม่มี T^T
เกิดคำถามว่า เฮ้ยยยยยวันเกิดมันทำให้เศร้าและเหงาได้ขนาดเลยเหรอวะ เอ่อว่ะะะะะ ว่าแล้วก็ต้องติดต่อเพื่อนสาว แล้วชวนกันไปเมาค่ะ วู้ฮู้!!!!!!!!!!
แล้วอย่าลืมทำให้คุณรักทานกันด้วยนะคะ Bon appetit ค่ะ
happy birth day to me และทุกคนที่เกิดช่วงนี้ด้วยนะคะ
ลงทุนไม่มากเพื่อได้กับความสบายใจ และสุขสมหวังทุกประการ 55555
แล้วก็ลองเปิดเวปหาดูว่าวิธีทำคัฟเค้กด้วยไมโครเวฟ มันทำยังไง เฮ้ยยยยยยยยยยยยย ไม่ยากเลย ไม่ต้องเตรียมอะไรมากมายด้วย
อันนี้เป็นครั้งแรกนะคะ ใครที่ทำเบเกอรี่ครั้งแรก มันไม่ออกมาอร่อยสมบูรณ์แบบทุกประการหรอกค่ะ
อันนี้ฟลุ๊คยอมรับเลย เนื้อเค้กที่ได้ออกมาอาจจะไม่นุ่ม ร่วนเหมือนเค้กแสนอร่อย
แต่ก็ทานได้ เอาหน้าสวย ท็อปปิ้งอร่อยก็โอ วะฮ่าฮ่า
มาเริ่มกันที่ส่วนผสมเลยค่ะ
ส่วนผสมสำหรับเนื้อแป้งนะคะ (อันที่บอกนี่ ทำได้ประมาณ 3 ถ้วยเล็กค่ะ ลองดูก่อน แหะๆ)
แป้งแพนเค้ก1-2 ถ้วย ร่อนกับผงฟูปลายช้อนชาค่ะ
เนยเหลว เอาแบบในอุณภูมิห้องนะคะ ไม่เอาที่ละลายแล้วค่ะ
ไข่ 1 ฟอง นมจืดค่ะ
ส่วนหน้าเค้กก็จะมี สีสังเคราะห์ สีชมพู วิปปิ้งครีม
อาจจะช๊อคโกแลตเม็ดเล็กๆ อันนี้ฟลุ๊คเลือกเมล็ดทานตะวันเคลือบช็อกโกแลตค่ะ แล้วก็เยลลี่รูปหัวใจ
และสตอเบอรี่ค่ะ
ถ้วยสำหรับใส่เค้กอบ (อันนี้หาที่ไหนไม่ได้ ไปร้านไดโสะ ได้แบบนี้มาค่ะ จริงๆอยากได้ทรงเล็กและสูงกว่านี้ แบบที่เค้าทำกันทั่วไปมากกว่า) แต่แบบนี้ก็ดีตรงที่แต่หน้าได้เยอะดี และปักเทียนได้เยอะตามอายุได้ 55555 ถ้วยเล็กคงไม่พออ่ะ
แล้วก็ไปเจ๊อะกับ อุปกรณ์แต่งหน้าเค้ก แบบเปลี่ยนหัวได้ น่าสนใจดีเลยซื้อมาไว้ก่อนเผื่อได้ใช้ในครั้งต่อๆไปค่ะ
มาเริ่มกันที่ผสมแป้ง เราร่อนแป้งกับผงฟูให้เข้ากันก่อนนะคะ
ตอกไข่ไก่อุณหภูมิห้องลงไป น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ เนย 1 ช้อนโต๊ะพูน ที่เราเตรียมไว้ นมค่อยๆเทลงไปทีละนิดค่ะ ตีไปเรื่อยๆ ตีไปจนน้ำตาลทรายละลายและเนื้อแป้งเหลวนวลเป็นเนื้อเดียวกัน
ก็เทลงถ้วยกระดาษที่เราเตรียมไว้ค่ะ เทลงไปประมาณ 3/4 ถ้วยนะคะ เผื่อมันฟูและไหลล้นด้วยค่ะ
เข้าไมโครเวฟ ตั้งเวลา 2 นาที ออกมาจะได้แบบนี้จ้าาา
เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ให้เย็นเลยค่ะ เราก็หันไปทำ หน้าเค้กกัน ตีวิปปิ้งครีมค่ะ ใส่ไอซิ่งลงไป 3-4 ช้อนโต๊ะ อันนี้แล้วปริมาณของวิปปิ้งครีมนะคะ เราชิมได้ก็ชิมค่ะ อย่าถามว่าใส่ขนาดไหน 555 แล้วแต่ชอบเลยจ๊ะ แล้วตีไปเรื่อยๆจนตั้งยอด เหมือนเวลาที่ทำเค้กทุกครั้งนะคะ ส่วนสีชมพูลงไปซัก1-2 หยดก็พอ ฟลุ๊คชอบแบบ อ่อนๆถึงอ่อนมากกก แต่ถ้าใครอยากแบบจัดจ้านก็ใส่ลงไปแล้วแต่ชอบได้เลยค่ะ แล้วคนเบาๆ ไม่ต้องตีละค่ะ คนเบาๆสีก็จะค่อยๆเปลี่ยน
แล้วต่อมาก็เอามาหยอดบนเค้กที่เราเตรียมไว้ ไม่ต้องวนสวยตั้งยอด เพราะเราจะเอาสตอเบอรี่วางอีกที แต่ถ้าใครไม่มีอะไรวางแล้วก็แล้วแต่จะบีบครีมลงบนเค้กเลยค่ะ
พอโปะครีมลงไป ฟลุ๊คก็เอาสตอเบอรี่มาวาง โรยด้วยเมล็กทานตะวันเคลืบช๊อกฯ ใครจะเอาM&M ก็ได้นะคะ แล้วแต่ความชอบและจินตนาการเจ้าาาา แล้วก็ใส่หัวใจให้ตัวเองลงไปอีกหน่อย ในเมื่อให้คนอื่นไปแล้วเค้าไม่เห็นค่า เราก็จับมาใส่ให้เราดูแลเหมือนเดิมดีกว่า (ดราม่าอีกละ)
แค่นี้เองค่ะ แค่นี้จริงๆ ก็จะได้ออกมาแบบนี้
ก็โอเคนะคะ สำหรับครั้งแรกที่ทำ รสชาติเป็นรองค่ะ คราวนี้ขอสวยแบบสร้างภาพ (เรื่องถนัด) ไว้ก่อน 555 เป็นไงบ้างคะ มันง่ายและเร็วจริงๆค่ะ ยังไงก็ลองทำกันดูนะคะ
วันเกิดนี่มันทำให้เศร้าได้เหมือนกันนะ ถ้ารอโทรศัพท์จากใครบางคน แต่เค้าไม่โทร รอจะฟังคำอวยพร หรือถามว่าวันเกิดปีนี้อยากได้อะไร แต่ก็ไม่มี T^T
เกิดคำถามว่า เฮ้ยยยยยวันเกิดมันทำให้เศร้าและเหงาได้ขนาดเลยเหรอวะ เอ่อว่ะะะะะ ว่าแล้วก็ต้องติดต่อเพื่อนสาว แล้วชวนกันไปเมาค่ะ วู้ฮู้!!!!!!!!!!
แล้วอย่าลืมทำให้คุณรักทานกันด้วยนะคะ Bon appetit ค่ะ
happy birth day to me และทุกคนที่เกิดช่วงนี้ด้วยนะคะ
วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555
ขอจัดหนักจัดเต็มด้วยกุ้งเนยกระเทียมและหอยแมลงภู่อบชีสตัวโตๆ แถมด้วยพาสต้าเลิฟๆ^^
ขอกราบสวัสดีงามๆเจ้าาาาาาา นึกว่าเดือนนี้จะไม่ได้ทำอะไรมาลงในบล๊อคซะแล้ว ต้องขอโทษจริงๆค่ะ พอดีลูกสาว(สุนัข)ที่บ้านป่วยหนักมากกกกก ต้องพาเค้าไปโรงพยาบาล ผ่าตัด แล้วก็ต้องดูแลตลอดเลยไม่มีเวลาทำอะไรทานซักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เค้าหายดีแล้ว เลยขอฉลองหนักมากกกกกกกก 5555
มาเริ่มกันเลย เนื่องจากเคยเอารูปที่ทำหอยแมลงภู่อบชีส แล้วก็มีคนถามมามากมายว่า ไม่มีครัว ทำได้เหรอ ทำได้ค่ะ เพียงแค่คุณมีเตาอบง่อยๆ แต่คุณภาพคับตู้ ฟลุ๊คใช้ของHW ค่ะ 6ร้อยกว่าบาท ขอบอกว่าทนมากกกกกกกกกก ถ้าใครชอบทำ อาจจะหาซื้อถาดรองในเตาอบมาเพิ่ม หาซื้อได้ที่ร้านไดโซะหรือร้านขายเครื่องครัวทั่วไป แต่ถาดขนาดเล็กอาจจะหายากซักหน่อยนะคะ
มาเริ่มกันที่ส่วนผสมของเนยกระเทียมเลยค่ะ กระเทียบสัีบละเอียด พาสลีย์สับละเอียด เนยของอะไรก็ได้ ชนิดเค็มค่ะ ผงปรุงรสนิดหน่อย และ Garlic & Herb Salt Free ส่วนผสมผิวส้ม กระเทียม และสมุนไพร ของแมคคอร์มิค ไม่ต้องเติมเกลือแล้วนะคะ เดี๋ยวจะเค็มไป แค่นี้ค่ะ แค่นี้เลยจริงๆ
จะได้เนยกระเทียมแสนอร่อย
ตั้งเนยไว้จนนิ่มนะคะ เวลาคลุกจะได้คลุกได้ง่ายๆ ส่วนผสมนี้ เราเก็บใส่ถุงแบบซิปล๊อค เก็บไว้ในช่องแข็ง สามารถเก็บไว้ใช้ได้นะคะ ไม่ได้ทำมาจะทานทั้งหมดจ้า 555
พอเสร็จก็ตั้งพักเตรียมเอาโปะลงไปบนหอนแมลงภู่กับกุ้ง กุ้งเลือกตัวโตหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะไม่เต็มปากเต็มคำ 555 แต่ถ้าใครมีงบสูง จะใช้กุ้งมังกรก็ไม่ว่่ากัน ใช้กั้งตัวโตๆก็อร่อยเริศค่ะ
หอยแมลงภู่ให้เอาต้มในน้ำเดือดที่ใส่เกลือลงไปนะคะ ประมาณ 2- 3 นาทีค่ะ เอาพอนุ่ม ไม่งั้นหอยเราจะหดนะคะ ^^
ส่วนกุ้งนั้นเราก็จะตัดหนวด และคีมน้อยๆออกนะคะ ใครที่ไม่มีกรรไกรที่ใช้ทำอาหาร หาซื้อเก็บไว้ซักอันนะคะ มันสะดวกมากค่ะ เสร็จแล้วเราก็ตัดเปลือกกุ้งกลางลำตัวค่ะ ตัดจากคอลงไป ถึงหางเลยค่ะ แล้วก็หันมาตัดผ่ากลางตัวหัว ให้อ้าออกเพื่อที่จะใส่เนยลงไปนะคะ เสร็จแล้วก็พักเตรียมรอไว้
ช่วงที่ฟลุ๊คเตรียมกุ้งนี้ ก็ลวกเส้นพาสต้า(ในหม้อหุงข้าว) รอไว้แล้วค่ะ ลวกประมาณ 10 - 14 นาทีนะคะ แล้วแต่ปริมาณ เส้นวันนี้น่ารักกกกกกก
เสร็จแล้วเราก็มาเตรียมเครื่องที่จะผัดกับสปาเก็ตตี้ค่ะ วันนี้มันมีเนยชีสเยอะแล้ว ก็ขอผัดแบบเผ็ดร้อนโดนใจคนไทยละกัน เครื่องปรุงก็ไม่มีอะไรมากค่ะ กระเทียม พริกแห้ง(เผ็ดมากใส่มาก) พาสลีย์สับ หรือใครจะใช้ใบกระเพราก็ได้นะคะ หอมแบบไทยๆค่ะ มะกอกดำซอยค่ะ
ส่วนที่เป็นเนื้อขอเลือกเบค่อน(พันปี) ที่ติดแหงกในช่องแข็ง นี่ถ้าไม่แช่แข็งไว้ ตอนนี้คงกลายเป็นเบค่อนแหนมไปแล้ว ก็ตั้งแต่ที่ทำคาโบนาร่าคราวที่แล้วแหละค่ะ แหะๆ
ตั้งกระทะ(ไฟฟ้า)คู่ขวัญของเราให้พร้อม ใส่น้ำมันมะกอก แล้วเอาเบค่อนลงไปผัดให้แห้งก่อนค่ะ พอเบค่อนเป็นสีเหลืองแล้วก็ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไป เว้นพาสลี่ย์ไว้ก่อน ผัดให้หอมจนจามกันเลยค่ะ ดูสีก็รู้ว่าจามไป 7-8 บ้านแน่ๆ 555 แล้วก็ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสฝาเขียสหรือแม๊กกี้นิโหน่ย ซอสหอยนางรมนิโหน่ย
น้ำปลานิดเดียว!!!!!!!!เท่านั้นค่ะ
พอเบค่อนเริ่มกรอปก็ใส่พาสลี่ย์ลงไปผัดพอสุกแล้วก็เส้นลงไปคลุกค่ะ คลุก!!!!!!!นะคะ อย่าผัด ขอบอกว่าเส้นรูปหัวใจนี่มันบอบบาง เสร็จแล้วก็จะได้ พาสต้าเลิฟๆ
ช่วงที่ผัดเราก็อบกุ้งรอไปเลยค่ะ เอาเนยกระเทียมที่เราเตรียมไว้ทาลงไปที่ส่วนของเนื้อกุ้งที่เราอ้าออกแล้ว ทาให้ทั่วไปถึงหัวเลยค่ะ ตอนอบมันจะหอมมาก เปิดตู้อบไว้ให้ร้อนก่อน ค่อยเอาเข้าไปนะคะ เตาอบที่ฟลุ๊คใช้ ควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ค่ะ 555 แต่ก็ยังดีที่ทีไฟบนไฟล่าง ตอนเอาเข้าไปให้เปิดทั้งไฟบนและล่าง ถ้าเห็นเปลือกกุ้งเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว ก็ให้ใช้ไฟบนอย่างเดียว รอจนหอมกุ้งเผา+เนยกระเทียมหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน อย่าอบนานนะคะ เดี๋ยวเนื้อกุ้งจะแข็งไม่อร่อยค่ะ
มันหอมมวากกกกกกกกกก และน่ากินมากกกกกกกกกก แถมอร่อยมากกกกกกกกกกกกจริงๆค่ะ ไม่ได้โม้!!!!!!!!!
ส่วนหอยแมลงภู่อบชีส ใครไม่ชอบชีสก็แค่ทาเนยกระเทียมที่เราเตรียมไว้ เหยาะไวน์ขาวนิดหน่อย แล้วก็อบค่ะ ถ้าผู้ใหญ่ทานแล้วชอบรสเข้มห่อย ให้เหยาะทาบาสโก้ลงไปด้วยค่ะ
ส่วนถ้าใครชอบชีสสสสสสสสสสสสส หลังจากทาเนย เหยาะทาบาสโก้ ก็โปะด้วยมอสซาเรลล่าที่ขูดมาให้แล้ว เราเอาโรยได้เลย
แล้วยกเข้าเตาอบที่เราเปิดไฟไว้จนร้อน รอดูจนชีวละลายและเริ่มเปลี่ยนสี เป็นอันว่าใช้ได้ค่ะ และแล้วววววววววว หอยแมลงภู่อบชีสของเราก็.......
ทานกับไวน์รสโปรดดดดดหรือจะเบียร์เย็นๆ มันสุดยอดดดดดดดดดดดดค่ะ
วันนี้จัดไป 3 เมนู ที่ทำจากเตาอบราคาถูก และกระทะไฟฟ้า เห็นมั้ยคะ ไม่มีครัว ก็ทำอาหารได้ค่ะ ขอแค่ใจรัก แล้วอย่าลืมทำให้คุณรักทานกันด้วยนะคะ Bon Appetit ค่ะ ^^
มาเริ่มกันเลย เนื่องจากเคยเอารูปที่ทำหอยแมลงภู่อบชีส แล้วก็มีคนถามมามากมายว่า ไม่มีครัว ทำได้เหรอ ทำได้ค่ะ เพียงแค่คุณมีเตาอบง่อยๆ แต่คุณภาพคับตู้ ฟลุ๊คใช้ของHW ค่ะ 6ร้อยกว่าบาท ขอบอกว่าทนมากกกกกกกกกก ถ้าใครชอบทำ อาจจะหาซื้อถาดรองในเตาอบมาเพิ่ม หาซื้อได้ที่ร้านไดโซะหรือร้านขายเครื่องครัวทั่วไป แต่ถาดขนาดเล็กอาจจะหายากซักหน่อยนะคะ
มาเริ่มกันที่ส่วนผสมของเนยกระเทียมเลยค่ะ กระเทียบสัีบละเอียด พาสลีย์สับละเอียด เนยของอะไรก็ได้ ชนิดเค็มค่ะ ผงปรุงรสนิดหน่อย และ Garlic & Herb Salt Free ส่วนผสมผิวส้ม กระเทียม และสมุนไพร ของแมคคอร์มิค ไม่ต้องเติมเกลือแล้วนะคะ เดี๋ยวจะเค็มไป แค่นี้ค่ะ แค่นี้เลยจริงๆ
จะได้เนยกระเทียมแสนอร่อย
ตั้งเนยไว้จนนิ่มนะคะ เวลาคลุกจะได้คลุกได้ง่ายๆ ส่วนผสมนี้ เราเก็บใส่ถุงแบบซิปล๊อค เก็บไว้ในช่องแข็ง สามารถเก็บไว้ใช้ได้นะคะ ไม่ได้ทำมาจะทานทั้งหมดจ้า 555
พอเสร็จก็ตั้งพักเตรียมเอาโปะลงไปบนหอนแมลงภู่กับกุ้ง กุ้งเลือกตัวโตหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะไม่เต็มปากเต็มคำ 555 แต่ถ้าใครมีงบสูง จะใช้กุ้งมังกรก็ไม่ว่่ากัน ใช้กั้งตัวโตๆก็อร่อยเริศค่ะ
หอยแมลงภู่ให้เอาต้มในน้ำเดือดที่ใส่เกลือลงไปนะคะ ประมาณ 2- 3 นาทีค่ะ เอาพอนุ่ม ไม่งั้นหอยเราจะหดนะคะ ^^
ส่วนกุ้งนั้นเราก็จะตัดหนวด และคีมน้อยๆออกนะคะ ใครที่ไม่มีกรรไกรที่ใช้ทำอาหาร หาซื้อเก็บไว้ซักอันนะคะ มันสะดวกมากค่ะ เสร็จแล้วเราก็ตัดเปลือกกุ้งกลางลำตัวค่ะ ตัดจากคอลงไป ถึงหางเลยค่ะ แล้วก็หันมาตัดผ่ากลางตัวหัว ให้อ้าออกเพื่อที่จะใส่เนยลงไปนะคะ เสร็จแล้วก็พักเตรียมรอไว้
ช่วงที่ฟลุ๊คเตรียมกุ้งนี้ ก็ลวกเส้นพาสต้า(ในหม้อหุงข้าว) รอไว้แล้วค่ะ ลวกประมาณ 10 - 14 นาทีนะคะ แล้วแต่ปริมาณ เส้นวันนี้น่ารักกกกกกก
เสร็จแล้วเราก็มาเตรียมเครื่องที่จะผัดกับสปาเก็ตตี้ค่ะ วันนี้มันมีเนยชีสเยอะแล้ว ก็ขอผัดแบบเผ็ดร้อนโดนใจคนไทยละกัน เครื่องปรุงก็ไม่มีอะไรมากค่ะ กระเทียม พริกแห้ง(เผ็ดมากใส่มาก) พาสลีย์สับ หรือใครจะใช้ใบกระเพราก็ได้นะคะ หอมแบบไทยๆค่ะ มะกอกดำซอยค่ะ
ส่วนที่เป็นเนื้อขอเลือกเบค่อน(พันปี) ที่ติดแหงกในช่องแข็ง นี่ถ้าไม่แช่แข็งไว้ ตอนนี้คงกลายเป็นเบค่อนแหนมไปแล้ว ก็ตั้งแต่ที่ทำคาโบนาร่าคราวที่แล้วแหละค่ะ แหะๆ
ตั้งกระทะ(ไฟฟ้า)คู่ขวัญของเราให้พร้อม ใส่น้ำมันมะกอก แล้วเอาเบค่อนลงไปผัดให้แห้งก่อนค่ะ พอเบค่อนเป็นสีเหลืองแล้วก็ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไป เว้นพาสลี่ย์ไว้ก่อน ผัดให้หอมจนจามกันเลยค่ะ ดูสีก็รู้ว่าจามไป 7-8 บ้านแน่ๆ 555 แล้วก็ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสฝาเขียสหรือแม๊กกี้นิโหน่ย ซอสหอยนางรมนิโหน่ย
น้ำปลานิดเดียว!!!!!!!!เท่านั้นค่ะ
พอเบค่อนเริ่มกรอปก็ใส่พาสลี่ย์ลงไปผัดพอสุกแล้วก็เส้นลงไปคลุกค่ะ คลุก!!!!!!!นะคะ อย่าผัด ขอบอกว่าเส้นรูปหัวใจนี่มันบอบบาง เสร็จแล้วก็จะได้ พาสต้าเลิฟๆ
ช่วงที่ผัดเราก็อบกุ้งรอไปเลยค่ะ เอาเนยกระเทียมที่เราเตรียมไว้ทาลงไปที่ส่วนของเนื้อกุ้งที่เราอ้าออกแล้ว ทาให้ทั่วไปถึงหัวเลยค่ะ ตอนอบมันจะหอมมาก เปิดตู้อบไว้ให้ร้อนก่อน ค่อยเอาเข้าไปนะคะ เตาอบที่ฟลุ๊คใช้ ควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ค่ะ 555 แต่ก็ยังดีที่ทีไฟบนไฟล่าง ตอนเอาเข้าไปให้เปิดทั้งไฟบนและล่าง ถ้าเห็นเปลือกกุ้งเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว ก็ให้ใช้ไฟบนอย่างเดียว รอจนหอมกุ้งเผา+เนยกระเทียมหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน อย่าอบนานนะคะ เดี๋ยวเนื้อกุ้งจะแข็งไม่อร่อยค่ะ
มันหอมมวากกกกกกกกกก และน่ากินมากกกกกกกกกก แถมอร่อยมากกกกกกกกกกกกจริงๆค่ะ ไม่ได้โม้!!!!!!!!!
ส่วนหอยแมลงภู่อบชีส ใครไม่ชอบชีสก็แค่ทาเนยกระเทียมที่เราเตรียมไว้ เหยาะไวน์ขาวนิดหน่อย แล้วก็อบค่ะ ถ้าผู้ใหญ่ทานแล้วชอบรสเข้มห่อย ให้เหยาะทาบาสโก้ลงไปด้วยค่ะ
ส่วนถ้าใครชอบชีสสสสสสสสสสสสส หลังจากทาเนย เหยาะทาบาสโก้ ก็โปะด้วยมอสซาเรลล่าที่ขูดมาให้แล้ว เราเอาโรยได้เลย
แล้วยกเข้าเตาอบที่เราเปิดไฟไว้จนร้อน รอดูจนชีวละลายและเริ่มเปลี่ยนสี เป็นอันว่าใช้ได้ค่ะ และแล้วววววววววว หอยแมลงภู่อบชีสของเราก็.......
ทานกับไวน์รสโปรดดดดดหรือจะเบียร์เย็นๆ มันสุดยอดดดดดดดดดดดดค่ะ
วันนี้จัดไป 3 เมนู ที่ทำจากเตาอบราคาถูก และกระทะไฟฟ้า เห็นมั้ยคะ ไม่มีครัว ก็ทำอาหารได้ค่ะ ขอแค่ใจรัก แล้วอย่าลืมทำให้คุณรักทานกันด้วยนะคะ Bon Appetit ค่ะ ^^
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เกี๊ยวกุ้งน้ำร้อนๆ หวานหอมกลมกล่อมอร่อยกว่าที่เท่งโหน่งโฆษณาอีก ไม่ได้โม้!!!!!
ที่มาของเมนูนี้ คืออยากลองทำขนมจีบจากไมโครเวฟค่ะ แต่พอซื้อของมาครบ คิดไปคิดมามีบางคนเค้าบอกว่าไม่ชอบทานขนมจีบ บวกกับ คุณแม่บอกว่าอยากกินอะไรที่มันเป็นน้ำซดๆมากกว่า โอเช เลยจัดไปค่ะ เกี๊ยวกุ้งน้ำละกันวันนี้
เริ่มจากวัตถุดิบที่เราใช้เลย
หมูบดซื้อมากจากห้างทั่วไปจ๊ะ เอาแบบไม่ปรุงรสนะคะ กุ้ง ฟลุ๊คซื้อแบบแช่แข็งมาเลยค่ะ เนื้อหยุ่นนุ่มเด้งเหมือนกัน จะได้ไม่เสียเวลาแกะเปลือก
เห็ดหอมสด หัวหอม1หัวเล็ก ใครจะใช้หัวหอมอย่างเดียว หรือต้นหอมอย่างเดียวไปเลยก็ได้ แต่ฟลุ๊คใส่ทั้งหัวหอมเล็กและต้นหอมซอยเจ้าาาา ไข่ไก่ 1 ฟอง ถามว่าใส่ทำไมไม่รู้ แต่คิดว่าถ้าใส่มันจะหวาน บางสูตรก็ไม่ใส่นะคะ ถ้ากลัวเนื้อมันจะไม่เหนียว รากผักชี กระเทียม
น้ำมันงา และแป้งมันค่ะ ใส่เพื่อให้เนื้อเหนียวจ้า เพราะเราจะหั่นกุ้งชิ้นโตๆ เลยใส่ซัก 1 ช้อนโต๊ะพูนค่ะ
เริ่มที่หั่นเห็ดหอมเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือใครจะสับแบบหยาบก็ได้จ้า ผสมเนื้อหมูบด กุ้งหั่นชิ้นโตหน่อย หรือสับหยาบๆก็ได้เช่นกันค่ะ หัวหอมเล็ก 1 หัว ต้นหอมซอยประมาณ 5 บาท 5555 กะเอาเป็นบาทน่ะค่ะ
ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสภูเขาทองฝาเขียวหรือแม๊กกี้4-5เหยาะ น้ำมันหอยนิดหน่อย ผงปรุงรสนิดนึง แล้วที่ขาดไม่ได้คือรากผักชีโขลกกับกระเทียมซัก 2-3 กลีบ พริกไทยอีกอย่างค่ะ โขลกให้ละเอียดเลยนะคะ
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะค่ะ แล้วก็โรยแป้งมันลงไปเพื่อเวลานวดแล้วมันจะได้เนื้อเหนียวเด้ง
ถ้วยนี้คลุกผสมทุกอย่างเข้ากันแล้วค่ะ แต่ลืมใส่ต้นหอมซอย 555 เลยใส่ไปตามที่หลังค่ะ แต่เห็นเนื้อกุ้งใช่มั้ยคะ ยังเห็นมันลอยหน้าลายตาอยู่
แล้วก็หันมาห่อแผ่นเกี๊ยวค่ะ ฟลุ๊คใช้แผ่นเกี๊ยวสำเร็จยี่ห้อโนบิค่ะ แผ่นเกี๊ยวเค้าจะหนาแต่นุ่ม ต้นนานก็ไม่เปื่อยไม่ยุ่ยรุ่ยไม่น่าทาน เห็นที่มุมซ้ายบนมั้ยคะ โพลีพลัสจัดให้ค่ะ (อันนี้มุข)
วันนี้เราจะห่อแบบพื้นฐานคือเป็น 3 เหลี่ยมค่ะ ตักใส้ใส้ตรงกลาง เอานิ้วแตะน้ำทาที่รอบขอบแล้วพับครึ่งเลยค่ะ บีบตามขอบให้ติดกัน อย่าใส่ไส้เยอะนะคะ เดี๋ยวมันจะห่อไม่ได้ แต่ด้วยความต้องการแบบเต็มปากเต็มคำฟลุ๊คชอบใส่ใส้เยอะ แล้วมาลำบากรีดตรงขอบทีหลัง 555 นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ชอบแป้งเกี๊ยวยี่ห้อนี้ เพราะถ้าใช้ของยี่ห้ออื่น ด้วยความที่ชอบใส่ไส้เยอะ กว่าไส้จะสุกแป้งเกี๊ยวก็เปื่อยยุ่ยไปซะก่อน บางคนไม่ถนัด จะม้วนแบบใช้ตะเกียบก็ได้นะคะ ไม่ว่ากันค่ะ
ทำไว้ห่อไส้ให้หมดไปเลยค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นไว้ทานได้ แล้วก็มาต้มเกี๊ยวกันค่ะ ไม่มีครัวก็ต้มมันในหม้อหุงข้าวนี่แหละค่ะ ^^ ตั้งน้ำให้เดือดแล้วหย่อนเกี๊ยวลงไป ต้มไปประมาณ 5 นาที ค่ะ แต่ถ้าเราใส่ไส้เยอะก็ประมาณ 5-7 นาทีค่ะ
เสร็จแล้วก็ช้อนแต่เกี๊ยวมาใส่ในถ้วยที่เราได้ลวกกวางตุ้งใส่ไว้รอแล้ว แล้วตักนำซุปราดลงไป
น้ำซุปก็แล้วแต่บ้านใครสูตรใครจะใช้แบบไหน ซุปบ้านฟลุ๊คจะใส่ทั้งกระดูกหมู โครงกระดูกไก่ หัวไชเท้า แครอท ผักกาดขาว แอปเปิ้ลด้วยบางทีถ้ามี หัวหอมใหญ่ทั้งหัว คนอร์ 1 ก้อนเพื่อความั่นใจ 555 บางทีก็ละลายมิโซะลงไปด้วย เหมือนน้ำซุปราเม็งเลยค่ะ หอมอร่อยดี ต้มไปซัก 1-2 ชั่วโมง
แล้วก็ตักราดลงไปบนเกี๊ยวที่เราเตรียมไว้ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย และกระเทียมเจียวค่ะ
วิธีทำกระเทียมเจียวก็แค่สับกระเทียมละเอียด ใส่ลงในถ้วยกันความร้อน ใส่น้ำมันลงไปพอท่วม เอาเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟอ่อน ยกออกมาคนทุก 1 นาที จนกว่ากระเทียมจะหอมเหลืองกรอปค่ะ
เท่านี้ก็จะได้เกี๊ยวกุ้งแสนอร่อยเอาไว้ทานที่บ้าน กัดแบบเต็มปากเต็มคำ กุ้งและหมูดิ้นกันในปาก ไม่ต้องไปซื้อ 5 ตัว 50 บาทแล้วค่ะ ลองทำกันดูนะคะ
p.s. วิธีสำหรับคนไม่มีเวลาหรือขี้เกียจต้มน้ำซุปค่ะ เทน้ำใส่ถ้วย ต้มในไมโครเวฟให้ร้อน แล้วใส่น้ำมันที่มากับมาม่าหมูสับ หรือไวไวครบรสลงไป เท่านี้น้ำซุปก็จะหอมแล้วค่ะ อาจจะต้องปรุงรสเพิ่มอีกนิดหน่อยนะคะ ไม่เคยลองค่ะ แต่แม่บอกว่าน่าจะได้อยู่ 555
p.s.s แล้วอย่าลืมทำให้คนที่คุณรักทานด้วยล่ะคะ Bon appetit ค่ะ ^^
เริ่มจากวัตถุดิบที่เราใช้เลย
หมูบดซื้อมากจากห้างทั่วไปจ๊ะ เอาแบบไม่ปรุงรสนะคะ กุ้ง ฟลุ๊คซื้อแบบแช่แข็งมาเลยค่ะ เนื้อหยุ่นนุ่มเด้งเหมือนกัน จะได้ไม่เสียเวลาแกะเปลือก
เห็ดหอมสด หัวหอม1หัวเล็ก ใครจะใช้หัวหอมอย่างเดียว หรือต้นหอมอย่างเดียวไปเลยก็ได้ แต่ฟลุ๊คใส่ทั้งหัวหอมเล็กและต้นหอมซอยเจ้าาาา ไข่ไก่ 1 ฟอง ถามว่าใส่ทำไมไม่รู้ แต่คิดว่าถ้าใส่มันจะหวาน บางสูตรก็ไม่ใส่นะคะ ถ้ากลัวเนื้อมันจะไม่เหนียว รากผักชี กระเทียม
น้ำมันงา และแป้งมันค่ะ ใส่เพื่อให้เนื้อเหนียวจ้า เพราะเราจะหั่นกุ้งชิ้นโตๆ เลยใส่ซัก 1 ช้อนโต๊ะพูนค่ะ
เริ่มที่หั่นเห็ดหอมเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือใครจะสับแบบหยาบก็ได้จ้า ผสมเนื้อหมูบด กุ้งหั่นชิ้นโตหน่อย หรือสับหยาบๆก็ได้เช่นกันค่ะ หัวหอมเล็ก 1 หัว ต้นหอมซอยประมาณ 5 บาท 5555 กะเอาเป็นบาทน่ะค่ะ
ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสภูเขาทองฝาเขียวหรือแม๊กกี้4-5เหยาะ น้ำมันหอยนิดหน่อย ผงปรุงรสนิดนึง แล้วที่ขาดไม่ได้คือรากผักชีโขลกกับกระเทียมซัก 2-3 กลีบ พริกไทยอีกอย่างค่ะ โขลกให้ละเอียดเลยนะคะ
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะค่ะ แล้วก็โรยแป้งมันลงไปเพื่อเวลานวดแล้วมันจะได้เนื้อเหนียวเด้ง
ถ้วยนี้คลุกผสมทุกอย่างเข้ากันแล้วค่ะ แต่ลืมใส่ต้นหอมซอย 555 เลยใส่ไปตามที่หลังค่ะ แต่เห็นเนื้อกุ้งใช่มั้ยคะ ยังเห็นมันลอยหน้าลายตาอยู่
แล้วก็หันมาห่อแผ่นเกี๊ยวค่ะ ฟลุ๊คใช้แผ่นเกี๊ยวสำเร็จยี่ห้อโนบิค่ะ แผ่นเกี๊ยวเค้าจะหนาแต่นุ่ม ต้นนานก็ไม่เปื่อยไม่ยุ่ยรุ่ยไม่น่าทาน เห็นที่มุมซ้ายบนมั้ยคะ โพลีพลัสจัดให้ค่ะ (อันนี้มุข)
วันนี้เราจะห่อแบบพื้นฐานคือเป็น 3 เหลี่ยมค่ะ ตักใส้ใส้ตรงกลาง เอานิ้วแตะน้ำทาที่รอบขอบแล้วพับครึ่งเลยค่ะ บีบตามขอบให้ติดกัน อย่าใส่ไส้เยอะนะคะ เดี๋ยวมันจะห่อไม่ได้ แต่ด้วยความต้องการแบบเต็มปากเต็มคำฟลุ๊คชอบใส่ใส้เยอะ แล้วมาลำบากรีดตรงขอบทีหลัง 555 นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ชอบแป้งเกี๊ยวยี่ห้อนี้ เพราะถ้าใช้ของยี่ห้ออื่น ด้วยความที่ชอบใส่ไส้เยอะ กว่าไส้จะสุกแป้งเกี๊ยวก็เปื่อยยุ่ยไปซะก่อน บางคนไม่ถนัด จะม้วนแบบใช้ตะเกียบก็ได้นะคะ ไม่ว่ากันค่ะ
ทำไว้ห่อไส้ให้หมดไปเลยค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นไว้ทานได้ แล้วก็มาต้มเกี๊ยวกันค่ะ ไม่มีครัวก็ต้มมันในหม้อหุงข้าวนี่แหละค่ะ ^^ ตั้งน้ำให้เดือดแล้วหย่อนเกี๊ยวลงไป ต้มไปประมาณ 5 นาที ค่ะ แต่ถ้าเราใส่ไส้เยอะก็ประมาณ 5-7 นาทีค่ะ
เสร็จแล้วก็ช้อนแต่เกี๊ยวมาใส่ในถ้วยที่เราได้ลวกกวางตุ้งใส่ไว้รอแล้ว แล้วตักนำซุปราดลงไป
น้ำซุปก็แล้วแต่บ้านใครสูตรใครจะใช้แบบไหน ซุปบ้านฟลุ๊คจะใส่ทั้งกระดูกหมู โครงกระดูกไก่ หัวไชเท้า แครอท ผักกาดขาว แอปเปิ้ลด้วยบางทีถ้ามี หัวหอมใหญ่ทั้งหัว คนอร์ 1 ก้อนเพื่อความั่นใจ 555 บางทีก็ละลายมิโซะลงไปด้วย เหมือนน้ำซุปราเม็งเลยค่ะ หอมอร่อยดี ต้มไปซัก 1-2 ชั่วโมง
แล้วก็ตักราดลงไปบนเกี๊ยวที่เราเตรียมไว้ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย และกระเทียมเจียวค่ะ
วิธีทำกระเทียมเจียวก็แค่สับกระเทียมละเอียด ใส่ลงในถ้วยกันความร้อน ใส่น้ำมันลงไปพอท่วม เอาเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟอ่อน ยกออกมาคนทุก 1 นาที จนกว่ากระเทียมจะหอมเหลืองกรอปค่ะ
เท่านี้ก็จะได้เกี๊ยวกุ้งแสนอร่อยเอาไว้ทานที่บ้าน กัดแบบเต็มปากเต็มคำ กุ้งและหมูดิ้นกันในปาก ไม่ต้องไปซื้อ 5 ตัว 50 บาทแล้วค่ะ ลองทำกันดูนะคะ
p.s. วิธีสำหรับคนไม่มีเวลาหรือขี้เกียจต้มน้ำซุปค่ะ เทน้ำใส่ถ้วย ต้มในไมโครเวฟให้ร้อน แล้วใส่น้ำมันที่มากับมาม่าหมูสับ หรือไวไวครบรสลงไป เท่านี้น้ำซุปก็จะหอมแล้วค่ะ อาจจะต้องปรุงรสเพิ่มอีกนิดหน่อยนะคะ ไม่เคยลองค่ะ แต่แม่บอกว่าน่าจะได้อยู่ 555
p.s.s แล้วอย่าลืมทำให้คนที่คุณรักทานด้วยล่ะคะ Bon appetit ค่ะ ^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)